วันอังคารที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2561

ครั้งที่ 11

27 มีนาคม 2561

อาจารย์ได้ให้จับกลุ่มไปสัมภาษณ์ครูปฐมวัยโดยใช้คำถามเรื่อง บทบาทหน้าที่ของครูปฐมวัยกับการส่งเสริมพัฒนาการเด็กโดยที่อาจารย์จะกำหนดหัวข้อมาให้ 5 หัวข้อ ดังนี้

1.บทบาทหน้าที่ของครูปฐมวัยที่ต้องทำในแต่ละวันมีอะไรบ้าง

2. ท่านมีหลักในการอบรมเลี้ยงดู การดูแลสุขภาพอนามัย โภชนาการเด็กปฐมวัยของท่านอย่างไร

3. ท่านมีเทคนิควิธีหรือรูปแบบกิจกรรมในการส่งเสริมพัฒนาการของเด็กปฐมวัยทั้ง 4 ด้าน อย่างไร

4. ในการจัดกิจกรรมหรือประสบการณ์ให้กับเด็กปฐมวัย ท่านมีการส่งเสริมหรือปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมใดให้แก่เด็กบ้าง อย่างไร

5. ถ้าท่านมีปัญหาในการอบรมเลี้ยงดูหรือส่งเสริมพัฒนาการของเด็กปฐมวัยบ้างหรือไม่ ถ้ามีปัญหาอะไรบ้างที่เป็นปัญหาและท่านมีแนวทางในการแก้ปัญหาต่างๆนั้นอย่างไร






วันอังคารที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2561

ครั้งที่ 10

20 มีนาคม 2561




วันนี้อาจารย์ได้สอนเรื่อง " แนวทางการจัดสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ "



ความหมายของสิ่งแวดล้อม

สิ่งแวดล้อมอาจแบ่งเป็น 2 ประเภท ดังนี้

1. สิ่งแวดล้อมภายในบุคคล : การทำงานของระบบต่างๆของร่างกาย เช่น ระบบย่อยอาหาร  ระบบขับถ่าย  ระบบต่อมไร้ท่อ เป็นต้น

2. สิ่งแวดล้อมภายนอก :  สิ่งแวดล้อมที่อยู่ภายนอกกายของมนุษย์ เช่น วัตถุสิ่งของ คน พืช สัตว์ กิจกรรมต่างๆ ที่เกิดจากคนและสัตว์ รวมไปถึงสิ่งที่เป็นนามธรรม ได้แก่ ศีลธรรมจรรยา ขนบธรรมเนียมประเพณีในสังคม

ความสำคัญของสิ่งแวดล้อม : เด็กได้รับการฝึกอบรมให้รู้จักบทบาทต่างๆในสังคมทั้งในวัยเด็กและวัยผู้ใหญ่ไปพร้อมๆกันกระบวนการของการอบรมให้คนเป็นสมาชิกของสังคมนั้นจะขึ้นอยู่กับเจตคติ ความคาดหวัง และค่านิยมของสังคมที่คนๆนั้นเกี่ยวข้องด้วยเนื่องจากบทบาทที่แสดงอยู่เปลี่ยนไปก็ส่งผลกระทบต่อคนอื่นๆที่เกี่ยวข้อง

ปัจจัยของสิ่งแวดล้อมที่มีอิทธิพลต่อพัฒนาการของเด็กปฐมวัยมีดังนี้

1. ประสบการณ์ที่เด็กได้รับจากการตอบสนองความต้องการพื้นฐาน

2. ประสบการณ์ที่ได้จากการสร้างสัมพันธภาพในครอบครัว

3. ประสบการณ์ที่เด็กได้รับจากสัมพันธภาพทางสังคม

4. ประสบการณ์ที่ได้รับความสะเทือนใจมาตั้งแต่วัยเด็ก

สิ่งแวดล้อมมีอิทธิพลต่อการพัฒนาเด็กปฐมวัย ซึ่งจัดเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้

1. สิ่งแวดล้อมที่ส่งเสริมพัฒนาการทางกาย

2. สิ่งแวดล้อมที่ส่งเสริมพัฒนาการทางอารมณ์และสังคม

3. สิ่งแวดล้อมที่ส่งเสริมพัฒนาการทางสติปัญญา

การจัดสิ่งแวดล้อมในสถานศึกษาเด็กปฐมวัย

1. การจัดสิ่งแวดล้อมในห้องเรียน : เป็นการจัดวัสดุ อุปกรณ์ และวิธีการที่มีลักษณะ และคุณสมบัติเหมาะสมสำหรับการกระทำกิจกรรมภายในอาคาร และภายในห้องเรียน

2. การจัดสิ่งแวดล้อมนอกห้องเรียน : ครูผู้จัดจะต้องพิถีพิถันในการพิจารณาวางแผนอย่างดีไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าการจัดสิ่งแวดล้อมในห้องเรียน สอดคล้องและเสริมประสบการณ์โดยใช้พื้นที่นอกห้องเรียนเป็น 2 ส่วน คือ 

- สนาม

- สวนในโรงเรียน

การจัดสภาพแวดล้อม

1. สภาพแวดล้อมทั้งภายในและภายนอกห้องเรียนต้องปลอดภัย สะอาด ดึงดูดใจ และกว้างขวางพอกับสนามเด็กเล่น

2. พื้นที่จัดกิจกรรมต้องกำหนดให้ชัดเจนเด็กต้องมีพื้นที่ที่สามารถทำงานได้ด้วยตนเอง และทำกิจกรรมด้วยกันเป็นกลุ่มเล็กๆหรือกลุ่มใหญ่

3. พื้นที่สำหรับเด็กต้องจัดให้สะดวกสำหรับทำกิจกรรมต่างๆอาจจัดเป็นกลุ่มเล็กหรือรายบุคคล

4. สีที่ใช้ทาห้องเรียนและอาคารควรใช้สีที่กระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้ เป็นสีอ่อนเย็น เช่น สีเขียว ( ก้านมะลิ ) สีฟ้า ( เทอร์ควอยช์ )  สีเหลือง ( อ่อน ) เป็นต้น

5. สื่อหรืออุปกรณ์ต้องเหมาะสมกับวัยของเด็กมีปริมาณเพียงพอ มีหลากหลาย และมีความทนทาน

6. จัดหาที่ให้เด็กได้เก็บของใช้ส่วนตัวเป็นสัดส่วนชัดเจน

7. ต้องจัดมุมสงบไว้ทั้งในอาคารและนอกอาคาร

8. สภาพแวดล้อมควรมีส่วนที่อ่อนนุ่มบ้าง เช่น พรม เบาะ สนามหญ้า

9. ใช้วัสดุดูดเสียงเพื่อลดเสียงดังเพราะเสียงที่ดังเกินไปอาจทำให้เด็กเหนื่อยและเครียดได้

10. พื้นที่นอกอาคารควรมีพื้นผิวหลายประเภท

11. ห้องน้ำ ห้องส้วม ควรจัดอย่างเหมาะสมกับตัวเด็กและถูกสุขลักษณะ

12. สภาพของห้องและบริเวณอาคารควรจัดให้ปลอดภัยและถูกสุขลักษณะ

13. เครื่องเล่นสนามต้องมีความปลอดภัย

14. ขยะและน้ำโสโครก มีกำจัดขยะทุกวันหรือเป็นประจำ

15. สถานที่เตรียมและปรุงอาหารทำด้วยวัสดุถาวร แข็งแรง

16. สถานที่รับประทานอาหาร ตัวอาคารไม่อับทึบ ไม่มีหยาบไย่ มีแสงสว่างเพียงพอ พื้นที่ทำด้วยวัสดุแข็ง


วันอังคารที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2561

ครั้งที่ 9

13 มีนาคม 2561




วันอาจารย์ได้ทำการสอบกลางภาค อาจารย์ให้เวลาเตรียมตัวในการสอบ 5 นาที ข้อสอบของอาจารย์เป็นข้อเขียนจำนวน 4 ข้อด้วยกัน และอาจารย์จะเริ่มสอบตอนเวลา 9.30 - 11.30 น.




เพื่อนๆเตรียมตัวทำข้อสอบ พอถึงเวลาแล้วอาจารย์ก็ให้เริ่มทำข้อสอบได้


วันอังคารที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2561

ครั้งที่ 8

6 มีนาคม 2561








วันนี้อาจารย์สอนเรื่อง " การอบรมเลี้ยงดูเด็กปฐมวัย "

ความหมายของการอบรมเลี้ยงดูเด็ก : การที่บิดามารดาหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องในการเลี้ยงดูเด็กปฏิบัติต่อเด็กที่ยังไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ให้เจริญเติบโตและมีพัฒนาการทั้งด้านร่างกาย  อารมณ์  จิตใจ สังคมและสติปัญญาซึ่งผู้อบรมต้องอบรมด้วยความรัก ความเข้าใจและปรับวิธีการอบรมเลี้ยงดูเด็กอย่างเหมาะสมให้เข้ากับสภาพการเปลี่ยนแปลงของสังคม เพื่อให้เด็กเติบโตเป็นคนดีสามารถเผชิญกับสภาพการณ์ของสังคมและอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข

ความสำคัญของพ่อแม่ในการอบรมเลี้ยงดู : คุณภาพและประสิทธิภาพของมนุษย์ขึ้นอยู่กับพัฒนาการของแต่ละคนตามวัยต่างๆโดยเฉพาะบุคคลในวัยทำงานนั้นจะมีคุณภาพและประสิทธิภาพเท่าใดก็ขึ้นอยู่กับการเรียนรู้ การฝึกฝนและประสบการณ์ที่ต่อเนื่องกันตั้งแต่แรกเกิดถึงวัยปัจจุบันการเรียนรู้ครั้งแรกของมนุษย์ขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดูของพ่อแม่ โดยถือว่าพ่อแม่ คือครูคนแรกของลูก

ความสำคัญและความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่และลูก : ความรู้สึกที่พ่อแม่มีต่อลูกและความรู้สึกที่ลูกมีต่อพ่อแม่นั่นเอง เด็กแต่ละคนอาจจะมีความรู้สึกต่อพ่อแม่ต่างกัน เช่น ลูกสาวมักจะใกล้ชิดสนิทสนมกับพ่อมากกว่าแม่ หรือลูกชายมักจะใกล้ชิดสนิทสนมกับแม่มากกว่าพ่อเป็นต้น

วิธีการอบรมเลี้ยงดูเด็ก อาจจัดได้ 4 วิธี ดังนี้

1. การอบรมเลี้ยงดูแบบความรักความอบอุ่นแบบประชาธิปไตย

2. การอบรมเลี้ยงดูเด็กแบบคาดหวังเอากับเด็ก

3. การอบรมเลี้ยงดูแบบปล่อยปละละเลย

4. การอบรมเลี้ยงดูแบบรักถนอมมากเกินไป

การดูแลเด็กทารก : นับตั้งแต่คลอดจากครรภ์มารดาไปจนถึง 2 ปี เป็นวัยที่สำคัญที่สุดในการวางรากฐานสำคัญต่างๆของชีวิตในทุกๆด้านเป็นระยะที่มีการเปลี่ยนแปลงมากที่สุด บิดามารดาผู้เลี้ยงดูจึงควรใช้ระยะเวลานี้เพื่อส่งเสริมให้มีคุณภาพยิ่งขึ้น โดยตอบสนองความต้องการจำเป็นต่างๆเพื่อให้ทารกมีพัฒนาการที่ดีทั้งทางกาย อารมณ์ จิตใจ สังคมและสติปัญญา

การอบรมเลี้ยงดูเด็กวัยก่อนเรียน : เด็กวัยตอนต้นมีอายุ 2-5 ปี เด็กวัยก่อนเรียนเป็นช่วงวัยที่สำคัญที่สุดช่วงหนึ่งของชีวิตเพราะเป็นวัยของการวางรากฐานบุคลิกภาพของมนุษย์ระยะนี้เป็นระยะที่เกิดการเรียนรู้มากที่สุดในชีวิตเป็นช่วงพัฒนาการที่สำคัญที่สุดที่จะสร้างบุคลิกภาพให้แก่เด็ก เด็กจะเป็นคนอย่างไรนั้นขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดูในวัยนี้เป็นสำคัญ

การเลียนแบบของเด็กวัยก่อนเรียนแบ่งออกได้เป็น 3 ลักษณะใหญ่ๆคือ

1. การเรียนแบบบทบาททางเพศ

2. การเลียนแบบส่วนตัวที่ไม่ใช่บทบาททางเพศ

3. การเลียนแบบกับการพัฒนาศีลธรรม

ปัญหาของเด็กก่อนวัยเรียน

1. ปัญหาด้านสุขภาพ  สุขภาพจิต  สาเหตุของปัญหาเกี่ยวข้องกับครอบครัวแม่ไม่นิยมเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ พ่อแม่เลี้ยงดูเด็กอย่างทารุณ ขาดคุณธรรมและจริยธรรม

2. ปัญหาด้านโภชนาการ  สาเหตุของปัญหาเกี่ยวข้องกับครอบครัว คือ แม่ขาดความรู้ด้านโภชนาการ นอกจากนี้เกิดจากพ่อแม่ขาดความรู้และประสบการณ์เกี่ยวกับอาหาร

3. ปัญหาด้านสติปัญญาและความสามารถพื้นฐาน สาเหตุของปัญหา คือ พ่อแม่ขาดความรู้ความเข้าใจในการพัฒนาด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคมและสติปัญญาของเด็ก

4. ปัญหาด้านสังคม  วัฒนธรรม และจริยธรรม สาเหตุของปัญหาเกี่ยวข้องกับครอบครัว คือ เด็กเป็นบุตรนอกสมรสและเกิดจากการตั้งครรภ์ที่พ่อแม่ไม่พึงปรารถนา พ่อแม่ขาดการศึกษาและขาดความรับผิดชอบครอบครัวแตกแยก 



ครั้งที่ 15

24 เมษายน 2561  วันนี้อาจารย์ให้จับกลุ่มกัน 3 กลุ่ม แล้วคิดเมนูอาหารขึ้นมาโดยประกอบไปด้วย อาหารจานหลักและขนมหวาน กลุ่มข...